-
กำหนดผู้ใช้แอปเป้าหมาย
กำหนดประเภทของบุคคลที่จะใช้แอปของคุณ การสร้างลักษณะของแต่ละบุคคลจะช่วยให้คุณตัดสินได้ว่าผู้ใช้ของคุณคือใคร อะไรคือสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ และผู้ใช้จะใช้แอปของคุณบ่อยแค่ไหน การรวบรวมข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณสร้างโปรไฟล์ที่ลงรายละเอียดของผู้ใช้แอปและเข้าใจฟังก์ชันที่ผู้ใช้ต้องการได้ดียิ่งขึ้น
-
แปรเปลี่ยนไอเดียให้เป็นต้นแบบ
เมื่อคุณกำหนดประเภทของบุคคลที่ใช้แอปและฟังก์ชันการทำงานที่ผู้ใช้ต้องการได้แล้ว คุณจะต้องสร้างต้นแบบที่มีการทำงานร่วมกันเพื่อทดสอบการทำงาน หลักการสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว (RAD)เป็นวิธีที่ดีในการให้ผู้ใช้แสดงความคิดเห็นได้อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็วตามการวางแผนในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยให้คุณทำการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกันได้อีกด้วย อย่าลืมทำการทดสอบ A/B เกี่ยวกับคุณลักษณะใหม่ๆ และตรวจสอบประสบการณ์ของผู้ใช้ก่อนที่จะเริ่มต้นการเปิดตัวในขั้นถัดไป
-
สร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ขั้นพื้นฐาน (MVP)
เมื่อต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถสร้าง MVP เพื่อเปิดตัวในวงกว้างได้ ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถขอความคิดเห็นจากการใช้งานจริง ไม่ใช่เฉพาะแค่เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น ทั้งนี้ การทำการอัปเดตล่าสุดให้แก่ผู้ใช้โดยมีการส่งมอบอย่างต่อเนื่อง การจัดหาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ใช้ร่วมกันได้ และการเข้ารหัสที่ช่วยปกป้องข้อมูลของลูกค้าจะทำให้คุณสามารถทำตามกฎระเบียบและดำเนินการด้านความเป็นส่วนตัวของบุคคลได้อย่างดีเยี่ยม
-
ทำแอปของคุณให้โดดเด่น
แม้คุณจะสามารถควบคุมการอัปเดตและคุณลักษณะล่าสุดทั้งหมดได้ แต่หากแอปแบบกำหนดเองของคุณไม่มีอะไรพิเศษ ผู้ใช้จะมองหาจากที่อื่น ดังนั้น คุณต้องติดตั้งคุณสมบัติล่าสุดไว้บนระบบปฏิบัติการทั้งหมด มีการผนวกรวมเข้ากับแอปของผู้ให้บริการรายอื่น และหมั่นพัฒนาฟังก์ชันล็อกอินเพื่อช่วยขจัดข้อบกพร่องต่างๆ และเร่งกระบวนการรับประกันคุณภาพ (QA) ให้เร็วยิ่งขึ้น
ทีมอุปกรณ์เคลื่อนที่มักละเลยช่วงเวลาที่จําเป็นต้องใช้ในการรับประกันคุณภาพเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่พร้อมใช้งาน ทั้งนี้ คุณควรให้ความสำคัญกับการทดสอบในระหว่างการพัฒนาแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ เนื่องจากขั้นตอนนี้จะทำให้คุณเห็นประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ทุกรูปแบบทั้งในด้านบวกและด้านลบ
-
กำหนดว่าแอปแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด แบบที่ใช้บนเว็บหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่
มีความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปว่าแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และแอปบนเว็บสามารถใช้แทนกันได้ การรู้รูปแบบของแอปที่คุณพัฒนาอยู่นั้นจะมีผลอย่างมากกับทุกๆ อย่างตั้งแต่การออกแบบ รูปแบบของซอฟต์แวร์สำหรับการสร้างแอปที่ต้องใช้ รวมไปถึง UX และการปรับใช้งาน ทั้งนี้ แอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่จะจำกัดอยู่ที่โทรศัพท์และแพลตฟอร์มที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถเข้าถึงทรัพยากรภายใน เช่น GPS รูปภาพ และผู้ติดต่อได้เร็วกว่า และสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ ในทางตรงกันข้าม แอปบนเว็บจะทำงานเหมือนเป็นอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ แต่สามารถทำงานได้แทบจะเหมือนกับการใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่
ทั้งแอปบนเว็บและแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่อาจได้จัดว่าเป็นแอปแบบกำหนดเอง คุณจึงต้องมีความเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ และวิธีที่ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณ
-
พิจารณาต้นทุนในการพัฒนาแอปแบบกำหนดเอง
ต้นทุนในการสร้างแอปจะมากน้อยแค่ไหนนั้นมาจากปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายสูงสุดของคุณ การสร้าง การบำรุงรักษา การทดสอบ ฟังก์ชันการทำงาน การอัปเดตให้เป็นคุณลักษณะล่าสุดของระบบปฏิบัติการทั้งสองระบบให้สอดคล้องกันล้วนเป็นปัจจัยที่มีส่วนในต้นทุนของแอปแบบกำหนดเอง นอกจากนี้ หน่วยของราคายังขึ้นอยู่กับแต่ละองค์ประกอบ ดังนั้น การตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการจึงเป็นเรื่องสำคัญ
การสร้างแอปที่ใช้งานง่ายและทำงานได้ดีไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้เงินมหาศาล Microsoft Power Apps ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและโซลูชันแบบใช้โค้ดน้อยเพื่อช่วยสร้างแอปแบบกำหนดเองในแบบของคุณด้วยแดชบอร์ดที่ฝังอยู่ภายใน เทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้า และการปรับใช้อย่างรวดเร็ว