คนกลุ่มหนึ่งกำลังปรึกษาหารือกัน

พัฒนา BPM ด้วยเครื่องมือแบบ low-code

การนำเอาเครื่องมือแบบ low-code มาใช้กับการจัดการกระบวนการธุรกิจ (BPM) สามารถช่วยองค์กรของคุณรับมือกับหน้าที่ความรับผิดชอบที่กินเวลานานๆ ได้

เครื่องมือแบบ low-code อำนวยความสะดวกใน BPM อย่างไร

การสร้างแอปพลิเคชัน กระบวนการ และเว็บไซต์ต่างๆ อาจดูยุ่งยากจนท้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ใช่วิศวกร นักออกแบบ หรือนักพัฒนา เครื่องมือพัฒนาแบบ low-code ช่วยให้ผู้ที่ไม่ใช่นักพัฒนา ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการเขียนโค้ดเลย สามารถสร้างโซลูชันเพื่อธุรกิจที่มีความซับซ้อนได้ เครื่องมือแบบ low-code ช่วยให้คุณสร้างสิ่งที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

เมื่อคุณสร้างธุรกิจขึ้นมา การใช้ BPM สามารถช่วยลดความซับซ้อนของงานที่คุณต้องทำรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปีได้ การเพิ่มประสิทธิภาพ การตรวจติดตาม และการวิเคราะห์เวิร์กโฟลว์ธุรกิจของคุณร่วมกับแพลตฟอร์มการพัฒนาแบบ low-code จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้เห็นภาพรวมได้ทั้งหมด และช่วยรวบรวมข้อมูลเชิงลึกสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องได้

การพัฒนาแบบ low-code คืออะไร

การพัฒนาแบบ low-code เป็นแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีการแสดงผลด้วยภาพและใช้โค้ดน้อยที่สุดเพื่อช่วยสร้างเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และกระบวนการต่างๆ แทนที่จะเขียนโค้ดที่ซับซ้อนเป็นบรรทัดยาวๆ โดยใช้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบเดิมๆ โซลูชันการพัฒนาลักษณะนี้จะใช้ตัวทำแบบจำลองภาพแบบลากแล้ววาง และการสร้างอินเทอร์เฟซแบบชี้และคลิกเพื่อสร้าง แอปแบบ low-code อย่างรวดเร็ว

การพัฒนาแบบ low-code ช่วยลดความซับซ้อนและมีการใช้ระบบอัตโนมัติ ทำให้งานที่ต้องทำซ้ำๆ ลดลงหรือไม่มีเหลือให้ทำเลย เนื่องจากการพัฒนาแบบ low-code ช่วยให้พนักงานที่มีความรู้ด้านเทคนิคไม่มากนักสามารถทำงานในโครงการแบบดิจิทัลได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับโปรแกรมเมอร์ผู้มีประสบการณ์ในการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น คุณสามารถลดระยะเวลาการพัฒนาให้สั้นลงและประสบความสำเร็จได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง

ข้อดีของการใช้การพัฒนาแบบ low-code

การพัฒนาแบบ low-code กำลังกำหนดนิยามใหม่ของการใช้เทคโนโลยีในธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีความรู้ที่จำกัดในการพัฒนาแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และเว็บไซต์ นับว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ประโยชน์บางประการของการใช้การพัฒนาแบบ low-code มีดังนี้

  • ใช้งานง่าย: เนื่องจากทุกคนสามารถใช้เครื่องมือแบบ low-code ได้ พนักงานทุกคนจึงสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างโซลูชันได้อย่างง่ายดาย
  • ต้นทุนทางธุรกิจลดลง: ด้วยการทำให้งานที่ต้องทำด้วยตนเองเป็นไปโดยอัตโนมัติและตัดงานที่ซ้ำซ้อนออกไป การพัฒนาแอปแบบ low-code จะช่วยให้เรามีวิธีสร้างโซลูชันดิจิทัลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านไอทีที่ค่อนข้างสูงและไม่ต้องอาศัยทรัพยากรจากบุคคลภายนอกเพิ่มเติม
  • การบำรุงรักษาน้อยลง: เพราะมีองค์ประกอบที่ได้มาตรฐาน จึงมีข้อบกพร่อง ปัญหาในการผสานรวมระบบ และความซับซ้อนในการสร้างน้อยลง
  • ส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันได้เร็วขึ้น: โซลูชันต่างๆ จะได้รับการพัฒนา ทดสอบ ประเมิน และปรับแก้โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การเขียนโค้ดแบบเดิมๆ ดังนั้น คู่ค้าทางธุรกิจจึงสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และโซลูชันได้อย่างรวดเร็ว
  • การเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น: เมื่อมีการจัดความต้องการด้านไอทีที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ทุกๆ คนตั้งแต่นักพัฒนาที่เชี่ยวชาญไปจนถึงผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเว็บไซต์และแอปได้อย่างราบรื่น เป็นการขจัดช่องว่างในด้านความรู้และความต้องการแรงงานนักพัฒนาเพิ่มเติม
  • การกำกับดูแลที่ดีขึ้น: ทีมไอทีและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสามารถบำรุงรักษาแอปทั้งหมดที่สร้างขึ้นมาได้ด้วยความสามารถในการกำกับดูแลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่สมบูรณ์

การจัดการกระบวนการธุรกิจคืออะไร

เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น กระบวนการต่างๆ ของธุรกิจจะซับซ้อนและรับมือได้ยากมากขึ้น เพื่อช่วยจัดการเวิร์กโฟลว์เหล่านั้น ธุรกิจจำนวนมากจึงหันมาใช้ BPM ทั้งนี้ การจัดการกระบวนการธุรกิจหรือ BPM เป็นวิธีการวิเคราะห์ เพิ่มประสิทธิภาพ และเร่งกระบวนการหรือเวิร์กโฟลว์ต่างๆ ในธุรกิจของคุณ กระบวนการทางธุรกิจคือ ลำดับของงานที่ต้องทำซ้ำๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง กระบวนการทางธุรกิจแต่ละกระบวนการอาจใช้เวลาไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายสัปดาห์ และกระบวนการจะสามารถแบ่งออกได้เป็นสามหมวดหมู่ ได้แก่ การดำเนินงาน การจัดการ และการสนับสนุน

BPM มุ่งเน้นไปที่กระบวนการทั้งกระบวนการมากกว่างานแค่ไม่กี่งาน ส่งผลให้มีข้อผิดพลาดน้อยลง ต้นทุนลดลง และมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ด้วยการรวมประสิทธิภาพ กลยุทธ์ การแมป เทคโนโลยี และการวิเคราะห์เข้าด้วยกัน BPM ช่วยให้สามารถมองเป้าหมายขององค์กรได้ในระดับสูงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของคุณในทุกขั้นตอน

BPM ไม่ใช่แค่การจัดการกระบวนการใดกระบวนการหนึ่งเพื่อช่วยให้เวิร์กโฟลว์เดียวดำเนินการได้อย่างราบรื่น แต่ BPM มีเป้าหมายที่จะรวมการเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ของบริษัทให้เป็นหนึ่งเดียว และต้องเป็นประโยชน์ต่อทุกคน เพราะทุกฟังก์ชันล้วนต้องทำงานควบคู่กันไป

ประโยชน์ของ BPM

เมื่อกำหนดมาตรฐานให้กับกระบวนการต่างๆ การเพิ่ม BPM จะช่วยคุณในการสร้าง ประโยชน์ห้าอันดับแรกของการนำ BPM มาใช้ ได้แก่

  1. ประสิทธิผลเพิ่มขึ้น BPM ช่วยให้ทั้งองค์กรของคุณสร้างกรอบการทำงานสำหรับทุกๆ กระบวนการ ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดจะได้รับการจัดทำเป็นเอกสาร มีการตรวจติดตาม และมีการปรับให้เหมาะสม และโดยการรวบรวมข้อมูลและให้คำแนะนำสำหรับกระบวนการเหล่านั้น งานต่างๆ ที่ไม่มีคุณค่าจะถูกกำจัดออกไป ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิผลโดยรวม
  2. ความคล่องตัวเพิ่มขึ้น เมื่อคุณสร้างแอปกระบวนการด้วย BPM คุณจะสามารถจัดทำเอกสารและกำหนดมาตรฐานของกระบวนการต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่า คุณสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. การปฏิบัติตามกฎระเบียบ BPM ช่วยปรับปรุงกระบวนการและปรับใช้กรอบการทำงานที่สอดคล้องกับนโยบายภายในและภายนอกทั้งหมด BPM ของคุณจะเข้าใจถึงนโยบายระดับอุตสาหกรรมและแผนกหลายๆ นโยบายได้โดยปริยาย ซึ่งมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามและดำเนินการให้สอดคล้อง
  4. การควบคุมดูแลน้อยลง เพราะมี BPM ช่วยจัดการงานที่ซับซ้อนและช่วยลดภาระงาน เหล่าผู้จัดการจะไม่ต้องคอยมาจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คุณสามารถจัดทำเอกสารกระบวนงานในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานในทุกขั้นตอน และทุกคนสามารถตรวจสอบได้ว่าอยู่ในขั้นตอนใดในกระบวนการ
  5. ข้อผิดพลาดน้อยลง สเปรดชีตและอีเมลมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ได้ง่ายๆ ในสเปรดชีตแบบนี้ เราจะไม่าสามารถติดตามได้ว่าข้อผิดพลาดต่างๆ นั้นเกิดขึ้นเมื่อใดและใครเป็นคนทำ แต่ด้วย BPM ความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดนั้นลดลงอย่างมาก และเมื่อเกิดขึ้นจริง สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปดูต้นตอได้

เมื่อธุรกิจของคุณต้องปรับตัวเข้ากับเครื่องมือดิจิทัลและแนวทางปฏิบัติใหม่ๆ ความสามารถในการปรับตัวของคุณคือจุดสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล การใช้วิธี BPM แบบ no-code หรือ low-code เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งมีความสำคัญมากเมื่อคุณสร้างเป้าหมายขององค์กรในอนาคต และแม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีการทดลองอีกเล็กน้อยเพื่อนำ BPM ไปใช้ในเวิร์กโฟลว์ของคุณ

ความท้าทายใน BPM

ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวและตอบสนองต่อความท้าทายทุกรูปแบบที่เข้ามา แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็ต้องการ BPM ความท้าทายเหล่านี้ ได้แก่

  • โซลูชันมากเกินไป เนื่องจากองค์กรต่างๆ ใช้โซลูชันมากมายเพื่อเติมเต็มช่องว่างในการแก้ปัญหา ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ปะติดปะต่อกัน ส่งผลให้เสียเวลาเนื่องจากพนักงานพยายามจัดระเบียบและเชื่อมโยงข้อมูลที่พวกเขาค้นพบ
  • ทีมงานที่แยกส่วนกัน การเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์ และการอัปเดตใหม่ๆ จะเกิดความล่าช้าเมื่อพนักงานขัดขวางข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากพวกเขาทำงานในทีมที่แยกออกจากกัน สิ่งนี้ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการสื่อสาร ความรู้ ประสิทธิผล และความพยายามในการทำงานร่วมกัน
  • มองเห็นได้มากเกินไป เนื่องจากกระบวนการต่างๆ ภายในซอฟต์แวร์ BPM สามารถช่วยให้มองเห็นการดำเนินการข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ จึงอาจเร็วเกินไป ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากอาจต้องการความช่วยเหลือในการทำความเข้าใจข้อมูลที่ได้รับ และอาจลังเลหรือรีบตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆ ขององค์กรด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง การกำหนดว่าใครสามารถเห็นข้อมูลใดได้บ้างจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถโฟกัสเฉพาะสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องดูได้
  • การวิเคราะห์ที่ไม่สอดคล้องกัน เมื่อไม่ปะติดปะต่อกัน การวัดผล การติดตาม และการทำซ้ำขั้นตอนต่างๆ ของคุณยังทำได้ยากอีกด้วย หากคุณไม่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างสมบูรณ์ในขณะที่กระบวนการเหล่านี้กำลังทำงานอยู่ คุณจะไม่สามารถปรับปรุงกระบวนการเหล่านี้สำหรับวันนี้และอนาคตได้
  • การตอบรับไม่ดี เพราะใครๆ ก็ต้องการทำงานได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง โซลูชันอย่าง BPM ก็ดูเหมือนว่าจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ ประการแรก ผู้นำต้องเชื่อมั่นว่าการใช้ BPM จะช่วยได้มาก แต่ BPM ก็ไม่ใช่โซลูชันแบบคลิกเดียวที่พวกเขาอาจมองว่าเป็น ผู้จัดการและที่ปรึกษา BPM จำเป็นต้องมีการสนับสนุน BPM ให้กับผู้ใช้ปลายทางเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาตอบสนองความต้องการเช่นกัน

ความท้าทายทั้งหมดเหล่านี้อาจทำให้ความพึงพอใจของลูกค้าลดลง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ยอดขายและรายได้ของธุรกิจลดลงด้วย แบบนี้จะทำให้ความพยายามในการใช้ BPM และองค์กรของคุณมีอุปสรรค

BPM กับเครื่องมือแบบ low-code ทำงานร่วมกันอย่างไร

การพัฒนาแบบ low-code และ BPM นั้นไม่เท่ากัน อันหนึ่งเป็นการรวบรวมเครื่องมือที่ช่วย ทำให้กระบวนการเป็นแบบอัตโนมัติ ส่วนอีกอันเป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างแอปและเว็บไซต์ ด้วยการใช้เครื่องมือแบบ low-code เพื่อทำให้งานที่น่าเบื่อและใช้แรงงานคนเป็นไปโดยอัตโนมัติ คุณช่วยสนับสนุนเป้าหมาย BPM ของคุณในการประสานงานธุรกิจ ผู้คน ระบบ และสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จภายในกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณ ด้านล่างนี้คือห้าขั้นตอนของ BPM และวิธีการเพิ่มเครื่องมือแบบ low-code ที่ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพ

  1. การค้นพบ ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ของคุณ ก่อนอื่น คุณต้องเข้าใจว่างานของคุณไหลจากขั้นตอนการดำเนินการหนึ่งไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งได้อย่างไร ซึ่งต้องอาศัยการรวบรวมข้อมูลจากเครื่องมือหลายตัว ทำตามขั้นตอนต่างๆ ของแต่ละกระบวนการ และสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องหลายๆ คน ด้วยการพัฒนาแบบ low-code กระบวนการค้นพบของคุณจะจัดการได้ง่ายขึ้น โดยใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลและการเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องเพื่อวิเคราะห์ระบบและเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในกระบวนการ เพื่อให้คุณทราบวิธีการปรับให้เหมาะสม
  2. การออกแบบ เมื่อคุณตรวจสอบกระบวนการของคุณในปัจจุบันแล้ว คุณจะพบจุดที่คุณสามารถปรับปรุงได้ แพลตฟอร์มแบบ low-code สามารถช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์ โดยใช้เครื่องมือสร้างแบบจำลองการแสดงผลด้วยภาพเพื่อร่างเวิร์กโฟลว์ เช่น ผังงาน สิ่งนี้ยังช่วยรับประกันว่าแต่ละงานจะเพิ่มกฎและระเบียบข้อบังคับขององค์กร อุตสาหกรรม รัฐบาลกลาง และท้องถิ่นโดยอัตโนมัติที่คุณจะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทคุณมีการตรงตามมาตรฐาน
  3. การดำเนินการ เมื่อคุณออกแบบเวิร์กโฟลว์แล้ว คุณต้องนำมาใช้ ด้วยตัวสร้างแบบจำลองและส่วนประกอบสำเร็จรูป เวิร์กโฟลว์ของคุณจะทำให้กระบวนการนี้ทำซ้ำได้ง่ายขึ้น และผลิตภัณฑ์ของคุณจะออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น และเนื่องจากคุณจะสามารถใช้เครื่องมือแบบ low-code ของคุณบนอุปกรณ์หรือแพลตฟอร์มปฏิบัติการใดก็ได้โดยไม่ต้องทำงานเพิ่มเติม คุณจึงสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้
  4. การวัดผลและการวิเคราะห์ คุณต้องแน่ใจว่าเวิร์กโฟลว์ใหม่ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือการจัดทำเหมืองกระบวนการที่คุณใช้ในขั้นตอนการค้นพบมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่คุณต้องใช้ในการวัดผลและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ เครื่องมือแบบ low-code ยังสามารถช่วยสร้างเครื่องมืออัตโนมัติต่างๆ เพื่อแสดงภาพกระบวนการ มอบหมายงานใหม่ และทำให้แน่ใจว่าคุณกำลังดำเนินการงานอย่างเหมาะสมที่สุด
  5. การปรับให้เหมาะสม การปรับปรุงให้ดีขึ้นนั้นสามารถทำได้อยู่เสมอ เมื่ออุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีมีการพัฒนาขึ้น และเงื่อนไขทางธุรกิจก็เกิดขึ้น คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับแต่ละอย่างอย่างรวดเร็ว การเขียนโค้ดแบบเดิมนั้นต้องใช้เวลาหลายเดือนในการจัดการการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น แต่แพลตฟอร์มแบบ low-code สามารถรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อระบุโอกาสในการปรับปรุงและเพื่อให้สามารถสร้างกระบวนการที่ปรับให้เหมาะสมและชาญฉลาดได้เอง

อนาคตของการพัฒนาแบบ low-code และ BPM

เมื่อจับคู่กับ BPM การพัฒนาแบบ low-code จะช่วยให้ธุรกิจของคุณทำงานได้เร็วขึ้นและดำเนินการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลต่อไป การใช้ BPM แบบ low-code จะทำให้กระบวนการธุรกิจเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งผลในเชิงบวกต่อผลลัพธ์ ต้นทุน และประสิทธิผลอีกด้วย

โลกธุรกิจก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และตลาดจำเป็นต้องตามให้ทัน การรวมโซลูชันแบบ low-code เข้ากับวิธีการแบบ BPM ของคุณจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ใช่นักพัฒนาสามารถระบุและแก้ปัญหาความท้าทายทางธุรกิจได้หลายแง่มุม เพื่อให้โซลูชันของคุณสามารถจัดการกับกระบวนการต่างๆ ได้มากขึ้น เร็วขึ้น โดยไม่มีความซับซ้อน

แม้ว่า BPM เพียงอย่างเดียวจะสามารถเปลี่ยนการดำเนินงานขององค์กรคุณได้ แต่ก็อาจมีปัญหาในเรื่องของความไร้ประสิทธิภาพของระบบที่แยกจากกันและการใช้แรงงานคนซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ การใช้โซลูชันแบบ low-code ร่วมกับ BPM ของคุณจะทำให้กระบวนการของคุณเป็นไปโดยอัตโนมัติ คล่องตัว และเพิ่มประสิทธิภาพ รับรองความสำเร็จด้วยกลยุทธ์องค์กรที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

คำถามที่พบบ่อย

บริษัทต่างๆ ใช้แพลตฟอร์มแบบ low-code กันอย่างไร

บริษัทต่างๆ ใช้แพลตฟอร์มแบบ low-code เพื่ออุดช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างความต้องการของนักพัฒนากับความต้องการทางธุรกิจ เพื่อสร้างแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ เว็บไซต์ และเวิร์กโฟลว์ให้เร็วขึ้น

เครื่องมือแบบ low-code ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

ปัญหาที่เครื่องมือแบบ low-code สามารถเข้ามาแก้ไขได้ก็คือ การขาดแคลนนักพัฒนา การตรงตามมาตรฐานองค์กร และความสะดวกในการใช้งานสำหรับพนักงานทุกระดับ

ประโยชน์ห้าประการของการนำการจัดการกระบวนการธุรกิจมาใช้คืออะไร

ผลประโยชน์ห้าประการของการใช้ BPM คือ ประสิทธิผลเพิ่มขึ้น ความคล่องตัวเพิ่มขึ้น ช่วยให้มีการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การควบคุมดูแลน้อยลง และข้อผิดพลาดน้อยลง

BPM แบบ low-code คืออะไร

BPM แบบ low-code เป็นวิธีการใช้แพลตฟอร์มแบบ low-code เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดการกระบวนการธุรกิจของคุณ

การพัฒนาแบบ low-code เป็นตัวกำหนดอนาคตของธุรกิจอย่างไร

การพัฒนาแบบ low-code เป็นสิ่งที่จะสร้างอนาคตของธุรกิจ เพราะช่วยให้พนักงานในทุกระดับสามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันที่ปรับใช้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ราคาถูกกว่า และไม่มีความซับซ้อน

ประโยชน์ที่สำคัญของการพัฒนาแบบ low-code มีอะไรบ้าง

ข้อดีบางประการของการพัฒนาแบบ low-code คือ เครื่องมือที่ใช้งานง่าย ต้นทุนที่ลดลง การบำรุงรักษาที่น้อยลง การปรับใช้งานที่เร็วขึ้น การกำกับดูแลที่ดีขึ้น และการเชื่อมต่อที่มากขึ้น